วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

                แผนผังมโนทัศน์เรื่องบทนำเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อชีวิ




 





          
             



               ในเมื่อคนเรานั้นได้เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้แล้วล้วนแต่เกิดความต้องการในด้านต่างๆ มากมาย
แตกต่างกันออกไปทั้งได้ดังหวัง   และผิดพลาดไม่เป็นอย่างที่คิด มีทั้งคนที่ล้มแล้วยังลุกขึ้นได้อีกครั้ง
อย่างเข้มแข็งและล้มแล้วสิ้นหวัง  สิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนั้นล้วนแต่เป็นบทเรียนที่ทำให้เราก้าวต่อไปใน
ชีวิตได้เป็นอย่างดีมีทั้งทุกข์และสุขปรนกันไป อาจจะมีเรื่องที่ทำให้เราเข้าใจในตัวเองมากขึ้นไปเรื่อยๆ
ในชีวิต
              ความต้องการของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันบางคนหวังที่จะรวย  หวังให้สุขภาพแข็งแรง  หวังใน
ตนเองว่าจะต้องทำให้พ่อและแม่นั้นให้อยู่อย่างสุขสบาย  หวังให้ตัวเองมีความสุข  หวังให้คนรอบข้างมี
ความสุขและคนที่ตนเองรัก  ในสิ่งที่ฉันนั้นหวังก็มีหลายอย่างเหมือนคนอื่นๆเข้าที่หวังกันทั่วไปแต่สิ่งที่
ฉันหวังที่สุดก็คือ  หวังอย่างจะให้ครอบครัวของดิฉันนั้นมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ  บางที
เงินอาจจะไม่สามารถซื้อชีวิตของคนในครอบครัวของดิฉันมาได้   ดิฉันจึงหวังให้พ่อและแม่ดิฉันมีความ
สุขมากๆเท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้  แต่ก็อยากทำให้ได้มากที่สุดพ่อแม่ของดิฉันผ่านความสำบาก
มากมาย  ดิฉันต้องการให้ท่านได้อยู่อย่างสุขสบายหลังจากที่ดิฉันนั้นได้เรียนจบไป  ความหวังของผู้
หญิงคนหนึ่งที่ต้องการเห็นครอบครัวของตนเองนั้นมีความสุขที่ยิ่งใหญ่ปราศจากสิ่งร้ายๆทั้งปวง
             ความหวังนั้นเกิดมากจากความต้องการในแต่ละบุคคล  ความหวังที่ยิ่งใหญ่ของแต่ละคนล้วนไม่
เท่ากันและย่อมแตกต่างกันออกไป  ทำให้ดิฉันหวังให้จบการศึกษาโดยเร็วเพื่อแบ่งเบาภาระของ
ครอบครัวให้ได้อยู่อย่างสุขสบายยิ่งๆขึ้นไป  หากดิฉันได้มีงานทำดิฉันเองคงคิดว่าพ่อและแม่ของดิฉัน
จะมีความสุขมากและเป็นปลื้มที่สุดในชีวิตที่เห็นลูกของตนนั้นสำเร็จในขั้นต้นของการศึกษาที่จะ
สามารถช่วยเหลือตนเองในอนาคตได้นั่นเอง




                           
                                                 



                                                                                                              จาก   นางสาวอุไรรัตน์  สุรัตนะ  

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ความสำคัญของการไหว้ครู

ความสำคัญของการไหว้ครู



วันไหว้ครู เป็นกิจกรรมหนึ่งที่สถาบันการศึกษาทุกระดับทุกแห่งจัดขึ้นในช่วงต้น ๆ ของปีการศึกษา สะท้อนถึงคุณค่าทางจิตใจของคนไทย
            - สะท้อนถึงความผูกพันใกล้ชิดระหว่างครูกับศิษย์
            - สะท้อนให้เห็นถึงความกตัญญูรู้คุณของสังคมไทยต่อผู้มีพระคุณ
            - สะท้อนให้เห็นถึงความรัก ความเมตตา ของครูต่อศิกษย์
            - สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนทางจิตใจ
            - แฝงสาระที่เป็นคติธรรมสอนใจมากมาย
          วันไหว้ครู เป็นวันที่นักเรียนจะได้แสดงคุณธรรมในจิตใจ คือไหว้ครู คำว่า  ไหว้ครู  นั้น เป็นถ้อยคำธรรมดาสามัญที่เข้าใจกันอยู่ และทราบถึงความหมายกันเป็นอย่างดี แต่ก็จะขอขยายความคำว่า  ไหว้ครู  เพื่อประกอบความรู้และประดับสติปัญญาตามสมควร
           ไหว้ครู  เป็นคำไทย คำ นำมาเชื่อมกัน คือคำว่า ไหว้  กับคำว่า  ครู  แต่ละคำมีความหมายอยู่ในตัว คำว่า ไหว้ ก็หมายถึงการแสดงสัมมาคารวะ การบูชา การแสดงความนับถือ การแสดงความเทิดทูน นี่เรียกว่า  ไหว้ เป็นคำกิริยาที่ใช้กันเป็นประเพณีนิยมของไทย และในบางกรณีคำนี้ ก็ย่อมจะกินความคลุมไปถึง กราบซึ่งในความหมายว่ายอมตนลงราบคาบด้วย เพราะฉะนั้นไหว้ก็ดีกราบก็ดี รวมอยู่ในความหมายอันเดียวกัน คือ แสดง ความยกย่อง แสดงอาการเชิดชูบูชานับถือ 
           โอกาสนี้เราทั้งหลาย ได้ แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อครู อาจารย์ ซึ่งเป็นผู้ที่ให้ความถนัด ครูนั้นเป็นทิศๆ หนึ่งในจำนวนทิศทั้ง 6 โดยเฉพาะเป็นทิศเบื้องขวา เรียกว่า ทักขิณ ทิศที่ว่าให้ความถนัด คือเป็นผู้ให้วิชาความรู้แก่เรา      

ประโยชน์ของการไหว้ครู
          หากการแสดงคุณธรรมด้วยการไหว้ไม่ได้ประโยชน์อะไรแล้ว ประเพณีน่าจะเลิกกันเสียที แต่ที่ต้องไหว้กันอยู่ประจำทุกปี ทุกโรงเรียน แสดงว่าต้องมีประโยชน์ ประโยชน์ของการไหว้ คือ
          1. ผู้ไหว้ได้รับความเมตตาจากผู้ถูกไหว้
          2. ผู้ไหว้ได้รับความสบายใจ
          3. ช่วยให้ผู้ถูกไหว้หันมาสำรวจตรวจตราพัฒนาตนเอง
          4. ได้รักษาเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยไว้
          5. บรรเทาโทษเสียได้ 
         
          โบราณท่านกล่าวว่า "ศรต้องมีพิษ ศิษย์ต้องมีครู ศิษย์มีครูเหมือนงูมีพิษ ศิษย์ไม่มีครู เหมือนงูไม่มีพิษ" ไม่น่ากลัวอะไร ไม่ต่างอะไรกับปลาไหล รอเวลาให้เขาผัดเผ็ดเท่านั้น"ศิษย์ดีต้องมีคุณธรรม ศิษย์ไม่ได้ความคุณธรรมไม่มี" นักเรียนจะต้องรู้จักข้าว ข้าวรวงโตที่มีวิตามิน เวลามันออกรวง จะน้อมรวงถ่วงยอดแสดงอาการดุจคารวะแม่พระธรณี แต่ข้าวรวงใดที่ชี้เด่แทบจะทิ่มก้นเทวดา แสดงว่าข้าวรวงนั้นไม่มีวิตามิน เป็นข้าวขี้ลีบ คนก็เหมือนกัน หากรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน แสดงว่าเป็นคนมีคุณภาพเป็นผู้มีคุณธรรม บางคนเป็นโรคสันหลังแข็งก้มไม่ลง บุคคลนั้นไม่ต่างอะไรกับข้าวขี้ลีบ
พิธีไหว้ครู
          พิธีไหว้ครู หรือ การไหว้ครู มีหลายอย่าง เช่น การไหว้ครูนาฏศิลป์ ไหว้ครูดนตรี ไหว้ครูโหราศาสตร์ ไหว้ครูแพทย์แผนไทย เป็นต้น  ซึ่งแต่ละอย่างก็จะมีรายละเอียดแตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไป เมื่อเอ่ยถึง พิธีไหว้ครู เรามักจะหมายถึง การไหว้ครูในสถาบันการศึกษาต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะทำในช่วงเปิดภาคการศึกษา  การไหว้ครู เป็นประเพณีสำคัญที่มีมาแต่โบราณ ถือเป็นพิธีกรรมที่แสดงความเคารพและระลึกถึงพระคุณของบูรพาจารย์ ครูอาจารย์ผู้ประสิทธิ์วิชาความรู้ให้ ทำให้เราสามารถนำไปประกอบวิชาชีพ สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ตนเองและครอบครัวได้ในอนาคต โดย ทั่วไป พิธีไหว้ครูมักจะจัดในวันพฤหัสบดี ด้วยถือว่าพระพฤหัสเป็นเทพที่ส่งเสริมวิทยาการและความเฉลียวฉลาด ซึ่งเป็นคุณสมบัติของครู จึงถือเอาวันนี้เป็นวันไหว้ครู เพื่อความเป็นสิริมงคล
ดอกไม้ที่ใช้ในการไหว้ครู
          ในสมัยโบราณมักจะใช้ดอกมะเขือ ดอกเข็ม หญ้าแพรก และข้าวตอก เป็นเครื่องบูชาครู เพราะเป็นสิ่งที่หาได้ง่ายและมีความหมายที่ดี กล่าวคือ 


ดอกมะเขือ ที่งอกงามได้อย่างรวดเร็ว เป็นสัญลักษณ์เสมือนให้เกิดปัญญาความคิดที่พร้อมจะรับความรู้ได้อย่างรวดเร็ว 


หญ้าแพรก เปรียบเสมือนเด็กที่มาเล่าเรียน เมื่อได้รับการสั่งสอนก็พร้อมจะเรียนรู้ เหมือนดังหญ้าแพรกที่แม้บางครั้งจะเหี่ยวเฉาไป แต่เมื่อใดที่ได้รับน้ำก็พร้อมจะเติบโตทันที 


ดอกเข็ม คือ การขอให้มีสติปัญญาแหลมคมดุจดอกเข็ม และข้าวตอก เสมือนหนึ่งให้มีปัญญาความคิดแตกฉาน เพิ่มพูนอย่างรวดเร็วเหมือนข้าวตอกเมื่อได้รับความร้อน
           ปัจจุบันการหาดอกเข็ม ดอกมะเขือ และหญ้าแพรก อาจจะกลายเป็นสิ่งที่หายากขึ้น ดังนั้น เครื่องบูชาครูจึงมีการประยุกต์ใช้เป็นพานพุ่ม หรือดอกไม้อื่นๆแทน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ปรับเปลี่ยนไปได้ตามยุคสมัย แต่ที่เป็นสาระสำคัญของการไหว้ครูก็คือการแสดงถึงความเคารพ และความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ผู้ให้สติปัญญาแก่เรานั่นเอง

วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

 
 วิธีเข้าใช้ระบบ e-learning npu
   ของมหาวิทยาลัยนครพนม 
            สำหรับนักศึกษา
  

ขั้นตอนที่ 1 การเข้าค้นหาใน google แล้วพิพม์หาคำว่า E-Leaning Npu  http://elearning.npu.ac.th/





ขั้นตอนที่ จะปรากฏหน้าเว็บของ e-learning  ของมหาวิทยาลัยนครพนม 




ขั้นตอนที่ 3   ทำการ log in     Username และ Password ของระบบนี้ เป็นตัวเดียวกันกับ
ระบบบริการการศึกษา (ทะเบียนเรียน) ของมหาวิทยาลัยนครพนม (http://reg.npu.ac.th/) หากนักศึกษา
ลืมรหัสผ่าน ขอให้นักศึกษาติดต่อกองส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน โทร 042532477 ต่อ 405 หรือ
อีเมล์ wutthiphat.p@npu.ac.th หรือติดต่อที่ฝ่ายทะเบียนและประมวลผลของคณะที่ท่านสังกัด เพื่อขอ
รหัสผ่านใหม่ การเข้าเรียนในรายวิชาหากมีบทเรียนของรายวิชานั้นในระบบ e-Learning โดยนักศึกษาจะ
พบรายชื่อวิชาที่เข้าเรียนได้เมื่อ login เข้าระบบแล้ว นักศึกษาจะเข้าเรียนในวิชาที่ลงทะเบียนเรียนได
ใช้รหัสผ่านที่ได้รับจากอาจารย์ประจำวิชา  
       ข้อความที่1  คือการใส่ Username หรือ รหัสนักศึกษานั่นเอง  
       ข้อความที่ 2 คือการใส่ Password หรือ รหัสผ่านที่เรากำหนดไว้นั้นเอง


          ขั้นตอนที่ 4  พอกรอกชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเสร็จเรียบร้อย  ให้คลิ๊กที่คำว่า   log in เพื่อเข้าสู่ระบบ





             ขั้นตอนที่ 5 log in เสร็จก็จะชึ้นหน้าต่างอย่างนี้

                    ข้อความที่ 1 หน้าหลัก ของระบบ เพื่อแจ้งปัญหาการใช้งานต่างๆ 
                    ข้อความที่ 2 หน้าหลัก ของระบบ เพื่อการเข้าดูโปร์ไฟล์ของผู้ใช้ และรายวิชาทั้งหมด
                    ข้อความที่ 3 วิชาเรียนของฉัน  จะแสดงรายวิชาต่างๆของเราที่ถูกเพิ่มขึ้นเองจากระบบ



                  ขั้นตอนที่ 5  การออกจากระบบ